สรุปบทที่ 7 อาร์เรย์และฟังก์ชั่นจัดการสตริง
อาร์เรย์หรือตัวแปรชุดเป็นตัวแปรประเภทหนึ่งที่เหมาะกับการนำไปใช้เพื่อการประมวล
ผลกลุ่มชุดข้อมูลเดียวกัน ดังนั้น จึงมีแนวทาง
การแก้ไขเพื่อให้เราสามารถอ้างอิงตัวแปร
เพื่อนำมาใช้งานได้ง่ายขึ้นที่เรียกว่าตัวแปรชนิดอาร์เรย์
โดยอาร์เรย์จะดำเนินการเสมือน กับแบ่งหน่วยความจำออกเป็นช่องๆ (Elements) และจะใช้เลขดัชนี (Index) หรือที่
เรียกว่า ซับสคริปต์ (Supscipt) เป็นตัวชี้ ตำแหน่งของอิลิเมนต์นั้นๆ ซึ่งภาษาซีจะใช้
สัญลักษณ์ [n] เป็นตัวชี้ระบุตำแหน่ง
ชนิดของตัวแปรอาร์เรย์: อาร์เรย์
ยังสามารถประกาศได้หลายชนิดด้วยกันซึ่งประกอบด้วยอาร์เรย์ 1 มิติ, อาร์เรย์ 2 มิติ และอาร์เรย์ 3 มิติ แต่โดยส่วยใหญ่
อาร์เรย์ 1 มิติและอาร์เรย์ 2 มิติ จะถูกนำมาใช้งานมากที่สุด
1. อาร์เรย์ 1 มิติ (One
Dimension Array) เป็นตัวแปรอาร์เรย์แบบมิติเดียว ที่มีลักษณะ เสมือนตู้เก็บความจำที่เรียงกันเป็นลำดับ
2. อาร์เรย์ 2 มิติ
(Two Dimension Array) รูปแบบของอาร์เรย์ 1 มิติมาแล้ว ซึ่งจะพบว่าจะจัดเก็บข้อมูลเป็นแนวราบแบบแถวลำดับ
ฟังก์ชั่นจัดการสตริง: สตริงหรือข้อความจะถูกจัดเก็บอยู่ในลักษณะของอาร์เรย์ของอักขระอีกทั้งยังมีการผนวกรหัส \0 ไว้ที่ท้ายข้อมูลเพื่อให้ทราบว่าเป็นจุดสิ้นสุดของข้อความนั้นๆ
1.ฟังก์ชั่น strcpy() เป็นฟังก์ที่นำมาใช้เพื่อคัดลอกข้อความไปเก็บไว้ในตัวแปรหรือคัดลอกจากตัวแปรสตริงหนึ่งไปเก็บไว้ยังตัวแปรอีกสตริงหนึ่ง
2. ฟังก์ชั่น strlen() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้เพื่อขอทราบข้อมูลตัวอักขระที่บรรจุอยู่ในสตริง
3. ฟังก์ชั่น strcmp() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้เปรียบเทียบสตริง 2
สตริงว่าตรงกันหรือไม่โดยหากผลตรวจสอบมีผลตรงกันก็จะรีเทิร์นค่าเป็น 0 แต่ถ้าผลไม่ตรงกันก็จะรีเทิร์นค่าที่เกิดจากผลต่างของอักขระ ซึ่งเป็นผลต่างระหว่างเลขรหัสแอสกีของค่าทั้งสอง
4. ฟังก์ชั่น strcat() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้เพื่อผนวกสตริง 2
สตริงเข้าด้วยกันโดยผลที่ได้จะเก็บไว้ที่ตัวแปรตัวแรกข้อควรระวังคือการเชื่อมสตริงจะทำให้เกิดความยาวของข้อความมากขึ้น
ดังนั้น
ขนาดความกว้างของตัวแปรที่จัดเก็บจะต้องมีความยาวเพียงพอต่อการจัดเก็บข้อความ
v
5. ฟังก์ชั่น strlwr() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้เพื่อแปลงอักขระในสตริงให้เป็นตัวพิมพ์เล็ก
6. ฟังก์ชั่น strupr() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้เพื่อแปลงอักขระในสตริงให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่
7. ฟังก์ชั่น strrev() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้งานเพื่อสลับตำแหน่งข้อความแบบกลับหัว
(Reverse) เช่น ข้อความ 123 เมื่อผ่านฟังก์ชั่น strrev() ก็จะเป็น 321 เป็นต้น
การอ่านและแสดงผลค่าของสตริง:
ฟังก์ชั่น scant() และ ฟังก์ชั่น printf()
สามารถนำมาใช้เพื่อการรับข้อมูลชนิดขัอ ความ
และสั่งพิมพ์ข้อความ ในภาษาซียังมี ฟังก์ชั่นเพื่อการรับค่าข้อมูลสตริง
และพิมพ์ ข้อความสตริงโดยตรง ด้วยฟังก์ชั่น gets() และ ฟังก์ชั่น puts() ซึ่งฟังก์ชั่นทั้งสอง
ถูก ประกาศใช้งานอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์ <stdio.h>
1. ฟังก์ชั่น gets() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้รับค่าสตริง
2.ฟังก์ชั่น puts() เป็นฟังก์ชั่น
ที่นำมาใช้พิมพ์ข้อความ หรือ ตัวแปรสตริง
การแปลงข้อความที่เป็นตัวเลขเป็นค่าตัว
เลขที่นำไปคำนวณได้: ตัวแปรสตริงที่นำมาใช้เพื่อรับข้อมูลสามารถเป็นได้ทั้งตัวอักษรหรือตัวเลขก็ได้แต่ถ้าเป็น
ตัวเลขล้วนๆถือว่าเป็นข้อความที่ไม่สามารถนำไปคำนวณได้แต่ทั้งนี้หากมีการยำข้อความที่เป็นตัวเลขมาผ่านฟังก์ชั่นแปรสตริงให้เป็นตัวเลขก็สามารถนำไปใช้เพื่อการคำนวณได้
1. ฟังก์ชั่น atof() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้แปลงข้อความตัวเลขมาเป็นค่าตัวเลขที่สามารถนำไปคำนวณได้โดยกำหนดให้มีชนิดข้อมูลเป็น double
2. ฟังก์ชั่น atoi() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้แปลงข้อความตัวเลขมาเป็นค่าตัวเลขที่สามารถนำไปคำนวณได้โดยกำหนดให้มีชนิดข้อมูลเป็น int
3. ฟังก์ชั่น atol() เป็นฟังก์ชั่นที่นำมาใช้แปลงข้อความตัวเลขมาเป็นค่าตัวเลขที่สามารถนำไปคำนวณได้โดยกำหนดให้มีชนิดข้อมูลเป็น long int
อ้างอิง
-หนังสือพื้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น